การเก็บและการรักษาสภาพตัวอย่างน้ำบาดาล
การเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อวิเคราะห์คุณลักษณะทางกายภาพ ทางเคมี สารพิษ และแบคทีเรียนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะจะมีผลต่อความถูกต้อง
และความน่าเชื่อถือของผลวิเคราะห์ ดังนั้น การเก็บตัวอย่างจะต้องดำเนินการตามวิธีในประกาศกรมทรัพยากรธรณีฉบับที่9 (พ.ศ.2542)
ออกตามความในพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ.2520 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเก็บตัวอย่างน้ำบาดาล ดังนี้
การเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อวิเคราะห์คุณลักษณะทางกายภาพและทางเคมี
1. การเก็บตัวอย่างน้ำจากบ่อที่เจาะใหม่ ให้เก็บขณะทำการทดสอบปริมาณน้ำโดยเก็บก่อนหยุดสูบ ประมาณ 15 นาที
2. การเก็บตัวอย่างน้ำจากบ่อที่ได้รับใบอนุญาตใช้น้ำแล้ว ให้เก็บหลังจากเริ่มสูบน้ำใช้ในวันที่จะเก็บตัวอย่าง ไม่น้อยกว่า 15 นาที
3. ภาชนะที่ใช้เก็บตัวอย่างน้ำ เป็นขวดพลาสติกหรือขวดแก้วที่สะอาด จะต้องล้างทั้งขวดและฝาด้วยตัวอย่างน้ำที่จะเก็บประมาณ
2-3 ครั้ง เก็บตัวอย่างน้ำให้เต็มขวดปิดฝาให้แน่น แล้วรีบนำส่งวิเคราะห์ทันที
4. ปริมาณน้ำตัวอย่างที่เก็บจะต้องไม่น้อยกว่า 1.5 ลิตร
5. ให้เขียนฉลากปิดภาชนะเก็บตัวอย่าง มีรายละเอียดดังนี้
- หมายเลขบ่อ และ พิกัด
- สถานที่ตั้ง
- ความลึกของบ่อ
- ชื่อผู้เก็บตัวอย่างน้ำ
- วันที่เก็บตัวอย่างน้ำ
เก็บตัวอย่างน้ำเพื่อวิเคราะห์คุณลักษณะที่เป็นพิษ
การเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อวิเคราะห์คุณลักษณะที่เป็นพิษแบ่งเป็น 2 กรณีดังนี้
1. การเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อวิเคราะห์หาปริมาณสารหนู ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม และซีลีเนียม
1.1 การเก็บตัวอย่างน้ำจากบ่อที่เจาะใหม่ ให้เก็บขณะทำการทดสอบปริมาณน้ำโดยเก็บก่อนหยุดสูบ ประมาณ 15 นาที
1.2 การเก็บตัวอย่างน้ำจากบ่อที่ได้รับใบอนุญาตใช้น้ำแล้ว ให้เก็บหลังจากเริ่มสูบน้ำใช้ในวันที่จะเก็บตัวอย่าง ไม่น้อยกว่า 15 นาที
1.3 ภาชนะที่ใช้เก็บตัวอย่างน้ำ ต้องเป็นขวดพลาสติกชนิดทนกรด-ด่าง กรองตัวอย่างน้ำที่จะเก็บให้ใส ล้างขวดเก็บตัวอย่าง
ด้วยน้ำตัวอย่างน้ำที่กรองแล้ว 2-3 ครั้ง เติมกรดดินประสิว (Nitric acid) ที่มีความเข้มข้น 1:1 จำนวน 1 มิลลิลิตร
ต่อตัวอย่างน้ำ 250 มิลลิลิตร ปิดฝาให้แน่นเขย่าให้เข้ากันแล้วรีบส่งวิเคราะห์ทันที
1.4 ให้เขียนฉลากปิดภาชนะเก็บตัวอย่าง มีรายละเอียดดังนี้
- หมายเลขบ่อ และพิกัด
- สถานที่ตั้ง
- ความลึกของบ่อ
- ชื่อผู้เก็บตัวอย่างน้ำ
- วันที่เก็บตัวอย่างน้ำ
- สารเคมีที่เติม
2. การเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อวิเคราะห์หาปริมาณไซยาไนด์
2.1 การเก็บตัวอย่างน้ำจากบ่อที่เจาะใหม่ ให้เก็บขณะทำการทดสอบปริมาณน้ำโดยเก็บก่อนหยุดสูบ ประมาณ 15 นาที
2.2 การเก็บตัวอย่างน้ำจากบ่อที่ได้รับใบอนุญาตใช้น้ำแล้ว ให้เก็บหลังจากเริ่มสูบน้ำใช้ในวันที่จะเก็บตัวอย่าง ไม่น้อยกว่า 15 นาที
2.3 ภาชนะที่ใช้เก็บตัวอย่างน้ำ เป็นขวดพลาสติกชนิดทนกรด-ด่าง ล้างขวดเก็บตัวอย่างด้วยตัวอย่างน้ำที่จะเก็บ 2-3 ครั้ง
เก็บตัวอย่างน้ำแล้วเติมสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) เข้มข้น 5 นอร์แมล จำนวน 1.5 มิลลิลิตร ต่อตัวอย่างน้ำ 250 มิลลิลิตร
ปิดฝาให้แน่นเขย่าให้เข้ากันเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส และไม่ให้ถูกแสงสว่าง รีบนำส่งวิเคราะห์ทันที
2.4 ให้เขียนฉลากปิดภาชนะเก็บตัวอย่าง มีรายละเอียดดังนี้
- หมายเลขบ่อ และพิกัด
- สถานที่ตั้ง
- ความลึกของบ่อ
- ชื่อผู้เก็บตัวอย่างน้ำ
- วันที่เก็บตัวอย่างน้ำ
- สารเคมีที่เติม
การเก็บตัวอย่างเพื่อวิเคราะห์หาแบคทีเรียในน้ำบาดาล
อุปกรณ์ที่ใช้
1. ภาชนะเก็บตัวอย่างน้ำ เป็นขวดแก้วขนาด 500 มิลลิลิตรพร้อมฝาชนิดเกลียว
2. สำลี หรือกระบอกสเปรย์
3. แอลกอฮอล์ 70%
4. ฉลาก และปากกา Label
5. ถุงพลาสติกชนิดซิบล๊อกขนาด 28×26 นิ้ว
6. ภาชนะบรรจุน้ำแข็ง
7. Aluminum Foil
วิธีการเก็บตัวอย่างน้ำ
1. ปิดปากภาชนะเก็บตัวอย่างด้วย Aluminum Foil นำไปอบฆ่าเชื้อด้วยหม้อนึ่งอัดไอ (Autoclave) ที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส
ความดัน 15 ปอนด์/ตารางนิ้ว เป็นเวลา 15 นาที ทิ้งให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง
2. ทำความสะอาดก๊อกน้ำโดยใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดหรือสเปรย์ให้ทั่ว
3. เปิดน้ำที่ค้างในท่อให้ไหลทิ้งประมาณ 5 นาที แล้วปรับให้ไหลปานกลาง
4. ทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์ 70%
5. เปิดฝาขวดเก็บตัวอย่างและ Aluminum Foil ออก เก็บตัวอย่างน้ำ ประมาณ 3/4 ขวด แล้วปิดฝาขวดทันที
6.ให้เขียนฉลากปิดภาชนะเก็บตัวอย่าง มีรายละเอียดดังนี้
- หมายเลขบ่อ และ พิกัด
- สถานที่ตั้ง
- ความลึกของบ่อ
- ชื่อผู้เก็บตัวอย่างน้ำ
- วันที่เก็บตัวอย่างน้ำ
7. บรรจุขวดลงในถุงพลาสติก ปิดปากถุง เก็บที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส
8. ส่งตัวอย่างน้ำวิเคราะห์ภายใน 24 ชั่วโมง