ข่าวสารนํ้าบาดาล

การประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำ ข้อเสนอแผนงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2565/2566

  • อัพเดทวันที่ 18 เม.ย. 65
  • อ่าน 561
  • เผยแพร่โดย dgr6 Admin
Email

การประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำข้อเสนอแผนงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2565/2566

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ
สทนช.จัดประชุมหน่วยงานด้านน้ำทั่วประเทศ
แจงหลักเกณฑ์เสนอแผน พร้อมผนึกกำลังขับเคลื่อน 13 มาตรการรับมือฝน
สทนช. จัดประชุมชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านน้ำทั่วประเทศมากกว่า 2,000 คน เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเสนอแผนงานโครงการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฤดูฝน ปี65 และกักเก็บน้ำฤดูแล้ง ปี65/66 ตามแนวทาง 13 มาตรการรับมือฤดูฝน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ป้องกันและลดผลกระทบก่อนเกิดอุทกภัยให้กับประชาชนได้อย่างตรงจุด
วันนี้ (18เม.ย.65) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำข้อเสนอแผนงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2565/2566 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ว่า จากผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เมื่อวันที่ 14 มี.ค.65 ที่ผ่านมา ที่มี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบมาตรการฤดูฝน ปี 2565 จำนวน 13 มาตรการ และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2565/2566 พร้อมทั้งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ สทนช. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนช. จึงได้จัดประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์โครงการดังกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผ่านระบบ Video Conference และผ่าน Live เพจ Facebook สทนช. เพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด สามารถเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า 2,000 คน
เลขาธิการ สทนช. กล่าวต่อว่า เพื่อให้การดำเนินการ 13 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี65 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทันต่อสถานการณ์ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมความพร้อมในการจัดทำข้อเสนอแผนงานโครงการให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามแผนงานโครงการเร่งด่วน ซึ่งโครงการที่หน่วยงานเสนอจะต้องมีพื้นที่เป้าหมายที่ชัดเจน มีความพร้อมดำเนินการได้ทันที และสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน หลังจากได้รับการจัดสรรงบประมาณ ที่สำคัญจะต้องเป็นโครงการที่ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมและได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ โดย สทนช. ได้กลั่นกรองและจัดกลุ่มแผนงานโครงการให้สอดคล้องกับการดำเนินการของแต่ละกิจกรรม แบ่งเป็น 5 กิจกรรม ได้แก่ 1.การซ่อมแซม/ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ 2.การปรับปรุง แก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ และกำจัดผักตบชวา 3.การขุดลอกคูคลอง 4.การเตรียมพร้อมวางแผนเครื่องจักรเครื่องมือ และ 5.การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อเก็บกักไว้ใช้ช่วงฤดูแล้ง
“เมื่อหน่วยงานได้ทำการวิเคราะห์ ตรวจสอบ ประเมินพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และความพร้อมดำเนินการโครงการให้สอดคล้องตามมาตรการรองรับสถานการณ์ฤดูฝน ปี 65 แล้ว จะต้องจัดทำรายละเอียดแผนงานโครงการ โดยบันทึกผ่านระบบบริหารจัดการแผนงานโครงการและฐานข้อมูลสำหรับบูรณาการแผน เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ หรือระบบ Thai Water Plan (TWP) เพื่อให้คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด พิจารณารวบรวม กลั่นกรอง ประสานตรวจสอบสถานภาพความพร้อมดำเนินการ ความซ้ำซ้อน และความสอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนตามความจำเป็น เพื่อให้เกิดความโปร่งใส สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเชิงพื้นที่ได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ สทนช. จะกํากับ ติดตามผลการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานให้สอดคล้องตามมาตรการ และรายงานให้ กนช. และ ครม. รับทราบตต่อไป”