Bureau of Groundwater Conservation and Restoration
ชี้แจงงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2566 และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
นายบรรจง พรมจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล นำคณะข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ชมการสาธิต วิธีใช้งานเครื่องสำรวจธรณีฟิสิกส์ด้วยวิธีวัดค่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้า Multi-Frepuency Electromagnetic Profiling System ระหว่างวันที่ 6-7 สิงหาคม 2563 ณ อาคารอเนกประสงค์บึงคัด ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก โดยหลักการคือ สนามแม่เหล็กไฟฟ้าถูกส่งลงใต้ผิวดิน เมื่อเจอชั้นน้ำบาดาลที่มีค่าความนำไฟฟ้าสูงก็จะถูกเหนี่ยวนำเกิดกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้น ทำให้ทราบลักษณะทางอุทกธรณีวิทยาของชั้นดินชั้นหินชนิดต่างๆกัน ที่อยู่ด้านล่างของผิวดิน และแสดงผลเป็นภาพกราฟฟิกได้ สามารถให้ข้อมูล ชนิดและขอบเขตที่แน่นอนของชั้นน้ำบาดาลระดับตื้น บริเวณที่เป็นพื้นที่เติมน้ำลงสู่แหล่งน้ำบาดาล รวมทั้งความต่อเนื่องกับชั้นน้ำบาดาลที่อยู่ลึกถัดไป เครื่องสำรวจธรณีฟิสิกส์ด้วยวีธีวัดค่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นเครื่องมือสำรวจที่ให้รายละเอียดความถูกต้องของข้อมูลสูง ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องอาศัยขั้วไฟฟ้า เหมาะสำหรับการสำรวจบนผิวดินเพื่อหาพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น
สำนักอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาล ดำเนินการทดลองเติมน้ำลงสู่ชั้นน้ำบาดาล โดยวิธีการสูบอัดและสูบกลับ (Aquifer Storage and Recovery, ASR) ตามแผนงานโครงการศูนย์เรียนรู้ด้้านการ อนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำบาดาล พื้นที่แอ่งเจ้าพระยาตอนบน ปี พ.ศ. 2563 ในช่วงเดือน กรกฎาคม - สิงหาคม 2563 ณ สถานีเติมน้ำลงสู่ชั้นน้ำบาดาล บ้านคุ้งยาง หมู่ที่ 13 ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 เวลา 10.00 น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี การประชุมเติมน้ำใต้ดิน ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และผู้อำนวยการสำนักงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัด เพื่อซักซ้อมความเข้าใจในหลักเกณฑ์และแนวทางการเติมน้ำใต้ดินที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และร่วมเสวนาเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านน้ำบาดาลในการปฎิบัติงานเติมน้ำใต้ดินให้เป็นไปตามมาตราฐาน ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในฐานะผู้อำนวยการ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้เน้น ย้ำให้เร่งพัฒนางานเติมน้ำใต้ดิน โดยมอบหมายให้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช) และกระทรวงทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นเจ้าภาพหลัก พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนการพัฒนาบ่อน้ำบาดาลและการเติมน้ำใต้ดินตามหลักเกณฑ์ที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เสนอ โดยเฉพาะท้องถิ่นให้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดพื้นที่ดำเนินการเก็บน้ำใต้ดินให้มากขึ้น
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2563 นายกุศล โชติรัตน์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล นายบรรจง พรมจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาล และนายประจวบ ลอยสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 7 กำแพงเพชร พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานก่อสร้างระบบเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น ผ่านบ่อวงคอนกรีต ในโครงการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น พื้นที่แอ่งเจ้าพระยาตอนบนและจันทบุรี - ตราด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้างบ่อเติมน้ำแบบบ่อวงคอนกรีต และบ่อสังเกตการณ์ ในพื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ตามแผนการดำเนินงานรวม 500 แห่ง ครอบคลุม 5 ตำบลในพื้นที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก
วันที่ 15 – 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 สำนักอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาล ส่งเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานโครงการศูนย์เรียนรู้ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำบาดาล พื้นที่แอ่งเจ้าพระยาตอนบน โดยเข้าดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ ขุดลอกบ่อพักน้ำ และบ่อตกตะกอนบริเวณสถานีเติมน้ำบาดาลโดยวิธีสูบอัดและสูบกลับ ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานเติมน้ำบาดาลระดับตื้นและระดับลึกโดยวิธีสูบอัด และรองรับผู้เข้าอบรมศึกษาดูงาน และประชาชนที่สนใจเข้าเยี่ยมชม ซึ่งมีแผนการดำเนินงานในช่วงเดือน กรกฎาคม – สิงหาคม 2563
ตามที่ นายธีรัชสิทธิ์ วงศ์วาน ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย พ.อ. วัชรพงศ์ แก้วแจ้ง รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการก่อสร้างระบบเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น ที่ดำเนินการโดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล บริเวณพื้นที่บ้านบึงกอก ตำบลบึงกอก อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 และได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวช่อง 3 ที่มีคำถามเกี่ยวกับการเติมน้ำใต้ดินว่ามีวัตถุประสงค์อะไร นั้น โดยในเนื้อหาช่วงหนึ่งกล่าวว่า “...การเติมน้ำใต้ดินอุปมาอุปมัยเหมือนเราเอาเงินไปฝากธนาคาร...ยามน้ำขาดเราก็นำน้ำมาใช้…การเติมน้ำใต้ดินมันจะทำให้ระดับน้ำใต้ดิน...ซึ่งเมื่อก่อนมันลดลงไปเพราะเราเจอภัยแล้ง...ภัยแล้งนี่ทำให้ระดับน้ำใต้ดินลดลงไปเยอะ ถ้าเราไม่เติมน้ำใต้ดิน น้ำก็จะลดลงไปเรื่อยๆ แผ่นดินก็จะทรุด...” จากการอธิบายความดังกล่าว ได้มีประชาชนสอบถามมายังกรมทรัพยากรน้ำบาดาลว่า ปัญหาภัยแล้งหรือการใช้น้ำบาดาลในบริเวณพื้นที่บางระกำจะส่งผลให้เกิดแผ่นดินทรุดหรือไม่อย่างไรนั้น กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขอเรียน ดังนี้ คือ พื้นที่บางระกำและพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณนี้ไม่มีปัจจัยแวดล้อมที่สำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อเรื่องแผ่นดินทรุดที่มีขนาดรุนแรงและเป็นวงกว้างได้ เนื่องจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีความแตกต่างจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีลักษณะเป็นแอ่งตะกอนขนาดใหญ่ และมีความลึกหลายร้อยเมตร ประกอบด้วยชั้นดินเหนียวหนาแทรกสลับกับชั้นกรวดทรายที่เป็นตะกอนจากปากแม่น้ำและตะกอนจากน้ำทะเลที่สลับกันเป็นช่วงๆ แต่สำหรับชั้นตะกอนในพื้นที่บางระกำและพื้นที่ใกล้เคียงส่วนใหญ่เป็นตะกอนที่เกิดจากการทับถมโดยทางน้ำที่มีความลึกของแอ่งไม่มากนักและมีชั้นดินเหนียวไม่หนามาก เมื่อเทียบกับแอ่งกรุงเทพ ประกอบกับการใช้ที่ดินบริเวณนี้ไม่มีตึกสูงและไม่มีกิจกรรมของเมืองขนาดใหญ่ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการทรุดตัวของแผ่นดินได้ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ผลกระทบจากภัยแล้งหรือการใช้น้ำบาดาลระดับตื้นในบริเวณนี้ไม่ทำให้เกิดการทรุดตัวของแผ่นดินที่รุนแรงและมีนัยสำคัญแต่อย่างใด การให้ข้อมูลของนายธีรัชสิทธิ์ วงศ์วาน ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพิษณุโลก เป็นการอธิบายในภาพกว้าง เพื่อให้เห็นโอกาสที่จะส่งผลกระทบได้ในบางพื้นที่ที่มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่เหมาะสมและมีการใช้ที่ดินที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดผลกระทบดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของการเติมน้ำใต้ดินที่นอกเหนือจากการนำน้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ในยามที่ขาดแคลนแล้ว การเติมน้ำใต้ดินยังสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศ ลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่จำเป็นต้องทรุดบ่อเพื่อวางเครื่องสูบน้ำเพื่อให้สามารถสูบน้ำได้ เมื่อระดับน้ำใต้ดินต่ำลงมากกว่าความสามารถของเครื่องสูบที่จะสูบน้ำในบริเวณดังกล่าวได้ (ระดับน้ำใต้ดินที่ลดระดับลงมากอย่างต่อเนื่องอาจมีสาเหตุจากภัยแล้งติดต่อกันหลายปีประกอบกับมีการสูบใช้น้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาลขึ้นมาใช้อย่างไม่สมดุล)
วันอังคารที่ 6 สิงหาคม 2562 เวลา 14.00 น. สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประชุมหารือร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำนักอนุรักษ์แและฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาล ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 8 อาคาร 1 กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อปรึกษาเรื่องประเด็น "ธนาคารน้ำใต้ดิน" และข้อเท็จจริงของการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น ซึ่งเห็นควรว่ากรมทรัพยากรน้ำบาดาลควรมีการเผยแพร่องค์ความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับรูปแบบและวิธีการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้นให้เป็นที่แพร่หลาย และประชาชนจะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ควรเน้นเรื่องวัสดุที่ใช้สำหรับกรองน้ำจะต้องเป็นวัสดุธรรมชาติและไม่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตามมา โดยมี นายบรรจง พรมจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์แและฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นประธานการประชุม
วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2562 เวลา 13.30 น. สำนักอนุรักษ์และฟื้ฟูทรัพยากรน้ำบาดาล สำนักสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทคทรัพยากรน้ำบาดาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมหารือแผนปฏิบัติราชการของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลระยะ 5 ปี (วาระแรก 3 ปี พ.ศ. 2563 - 2565) เกี่ยวกับภารกิจด้านอนุรักษ์และฟื้นฟู ด้านศักภาพและสำรวจน้ำบาดาล และด้านฐานข้อมูลและการจัดการข้อมูล เพื่อให้การจัดทำแผนดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดทำแผนปฏิบัติราชการของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล โดยมีนายจิตรกร สุวรรณเลิศ เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 8 อาคาร 1 กรมทรัพยากรน้ำบาดาล
ทางเราได้เปลี่ยนรหัสผ่านของท่านเรียบร้อยแล้ว ขอขอบพระคุณที่ใช้บริการ
ทางเราได้โพสความคิดเห็นของท่านเรียบร้อยแล้ว ขอขอบพระคุณที่ใช้บริการ
กรุณากดปุ่ม "ยืนยัน" เพื่อส่งการแจ้งลบความคิดเห็น
ทางเราได้ตั้งกระทู้ของท่านเรียบร้อยแล้ว ขอขอบพระคุณที่ใช้บริการ
กรุณากรอกอีเมลของท่านแล้วลองใหม่อีกครั้ง