ข่าวสารนํ้าบาดาล

"ดร.เฉลิมชัย" ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการศึกษา สำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาลในพื้นที่หาน้ำยาก พื้นที่ตำบลนาเหรง อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช

  • อัพเดทวันที่ 7 มิ.ย. 68
  • อ่าน 9
  • เผยแพร่โดย T ADMIN
Email
     วันที่ 7 มิถุนายน 2568 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ทส. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานโครงการศึกษา สำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาลในพื้นที่หาน้ำยาก เพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุนและสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่ (ระยะที่ 3) ในพื้นที่ตำบลนาเหรง อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี นายปริญญา คุ้มสระพรม รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวรายงานผลการดำเนินงาน และนายพิรชนม์ เกษตรสุนทร ปลัดเทศบาลตำบลนาเหรง กล่าวต้อนรับ
 
     พื้นที่เทศบาลตำบลนาเหรง มีเนื้อที่ประมาณ 125 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วย 9 หมู่บ้าน มีจำนวนประชากรประมาณ 8,000 คน 2,000 ครัวเรือน ปัจจุบันพื้นที่ตำบลนาเหรงใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค จากสระน้ำผิวดินสระหลุมพี และแหล่งน้ำบาดาลร่วมด้วย แต่มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ประชาชนประมาณ 2,000 คน ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในทุกๆ ปี ดังนั้น เพื่อดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำทั้งน้ำอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจึงได้จัดทำโครงการศึกษา สำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาลในพื้นที่หาน้ำยาก เพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุนและสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่ (ระยะที่ 3) ในพื้นที่ตำบลนาเหรง อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ซึ่งพื้นที่ตำบลนาเหรง อำเภอนบพิตำ มีสภาพธรณีวิทยาที่ซับซ้อน เป็นพื้นที่หาน้ำบาดาลยาก เนื่องจากรองรับด้วยชั้นหินเศษหินเชิงเขาที่มีตะกอนขนาดใหญ่และไม่สม่ำเสมอ ทำให้ต้องใช้เทคนิคเฉพาะในการสำรวจและเจาะน้ำบาดาล โดยผลจากการศึกษาสำรวจธรณีฟิสิกส์ การเจาะน้ำบาดาล และประเมินคุณภาพน้ำบาดาลในพื้นที่บ้านวังเลา หมู่ที่ 2 และบ้านในตูล หมู่ที่ 4 ตำบลนาเหรง คาดว่าจะพบชั้นน้ำบาดาลที่มีศักยภาพ สามารถต่อยอดโครงการเพื่อจัดทำระบบประปาบาดาลส่งน้ำบาดาลระยะไกลในพื้นที่ที่มีศักยภาพน้ำบาดาลสูงทั้งคุณภาพและปริมาณไปให้บริการในพื้นที่ขาดแคลนน้ำของประชาชน ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถนำน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ได้กว่า 292,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ประชาชนจะได้รับประโยชน์กว่า 4,000 คน 1,000 ครัวเรือน และจะเป็นต้นแบบสำคัญในการพัฒนาน้ำบาดาลในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากรให้แก่พื้นที่อื่นๆ ต่อไป