ข่าวสารนํ้าบาดาล

อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาล ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการศึกษาสำรวจแหล่งน้ำบาดาลระดับลึก พื้นที่แอ่งเจ้าพระยาตอนล่าง (ระยะที่ 3) ณ วัดสหกรณ์โฆสิตาราม ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร

  • อัพเดทวันที่ 8 มิ.ย. 65
  • อ่าน 544
  • เผยแพร่โดย T ADMIN
Email
อัลบั้มภาพ 39 ภาพ

     วันที่ 8 มิถุนายน 2565 นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาล พร้อมด้วย นายสุรินทร์ วรกิจธำรง รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ดร.เกรียงศักดิ์ ภิระไร ผู้อำนวยการสำนักสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล ดร.รวมทรัพย์ คะเนะดะ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมกิจการน้ำบาดาล นำคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการศึกษาสำรวจแหล่งน้ำบาดาลระดับลึก พื้นที่แอ่งเจ้าพระยาตอนล่าง (ระยะที่ 3) โดยมีนายอาวุธ วิเชียรฉาย ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร ให้การต้อนรับ ณ วัดสหกรณ์โฆสิตาราม ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร

     จากนั้น นายสุรินทร์ วรกิจธำรง รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมคณะ นำคณะกรรมการผู้บริหารกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล เดินทางไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลโคกขาม เพื่อรับฟังการบรรยายความเป็นมา ผลการดำเนินโครงการ เทคนิคการเจาะบ่อน้ำบาดาลระดับลึก และเทคนิคการเก็บทดสอบปริมาณน้ำและตัวอย่างน้ำบาดาล โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ได้ให้ข้อเสนอแนะการดำเนินงานแก่ผู้รับผิดชอบโครงการ และการใช้ประโยชน์จากโครงการแก่หน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย

     โครงการศึกษาสำรวจแหล่งน้ำบาดาลระดับลึก พื้นที่แอ่งเจ้าพระยาตอนล่าง (ระยะที่ 3) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ในการดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งจากผลการตรวจสอบชั้นน้ำบาดาล โดยใช้ข้อมูลธรณีวิทยาหลุมเจาะ และข้อมูลธรณีฟิสิกส์หลุมเจาะ พบแหล่งน้ำบาดาลใหม่ในแอ่งย่อยธนบุรี ที่ระดับความลึกตั้งแต่ 640 ถึง 1,008 เมตร จำนวน 5 ชั้น โดยการค้นพบแหล่งน้ำบาดาลใหม่ระดับลึกกว่า 1,000 เมตรในครั้งนี้ จะช่วยให้ประชาชนในตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร กว่า 22,000 คน รวม 10,000 ครัวเรือน มีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภค ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และที่สำคัญจะเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นการผลิตของภาคเอกชน รวมถึงการเพิ่มความมั่นคงทางด้านทรัพยากรน้ำในเขตอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป